เปิดประชุมวิสามัญเลือกประธานบริหารสถาบันการเงินชุมชนตำบลเพชรละคร “พนมไพร แสนวอ” เฉือนชนะเพียง 2 คะแนน

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมโรงเรียนเพชรละครวิทยา อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ สถาบันการเงินชุมชนตำบลเพชรละคร ได้จัดประชุมวิสามัญครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 เพื่อดำเนินการเลือกตั้งประธานบริหารและคณะกรรมการดำเนินงานชุดใหม่ หลังจากคณะกรรมการชุดเดิมหมดวาระลง โดยมี นางรัตนา มาลากรณ์ กำนันตำบลเพชรละคร ทำหน้าที่ประธานในการประชุมครั้งนี้ พร้อมด้วย นางอัจจิมา มาลากรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเพชรละคร ผู้จัดการ ธ.ก.ส. สาขาท่าแดง และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ร่วมสังเกตการณ์

สำหรับสถาบันการเงินชุมชนตำบลเพชรละคร มีสมาชิกจำนวน 1,534 คน จาก 14 หมู่บ้านในพื้นที่ และคณะกรรมการบริหารแต่ละชุดมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี การประชุมวิสามัญครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการเลือกตั้งในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ไม่เป็นไปตามข้อระเบียบว่าด้วยการออกเสียงและการวินิจฉัยปัญหาในที่ประชุม (ระเบียบข้อที่ 7 หมวดที่ 5 ข้อ 16-17) ซึ่งอาจกระทบสิทธิประโยชน์ของสมาชิก

นายประมุข ยาโสภา ประธานรักษาการ ได้เปิดประชุมใหญ่เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยมีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานบริหาร 2 คน ได้แก่ นายประมุข ยาโสภา อดีตประธานที่เพิ่งพ้นวาระ และนายพนมไพร แสนวอ

ทั้งสองผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม โดยมีการถามตอบจากสมาชิก เช่น นายเทียนชัย อัฐปัน สมาชิกสกรณ์ หมู่ 4 ซึ่งอยู่กับสถาบันการเงินฯ มานานกว่า 11 ปี ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวทางการติดตามหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ลูกหนี้มีพฤติกรรม “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ซึ่งนายประมุขเสนอแนวทางการประนอมหนี้ ขณะที่นายพนมไพรเสนอแนวทางแยกสัญญากู้ระหว่างแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันและแบบใช้บุคคลค้ำประกันเพื่อวิเคราะห์และติดตามหนี้อย่างเหมาะสม

ภายหลังการนำเสนอวิสัยทัศน์ ที่ประชุมมีมติให้ลงคะแนนเสียงแบบลับ โดยมีการจับสลากเบอร์ผู้สมัคร ซึ่งผลปรากฏว่า นายประมุข ยาโสภา ได้เบอร์ 2 และนายพนมไพร แสนวอ ได้เบอร์ 1 สมาชิกจากแต่ละหมู่บ้านทยอยลงชื่อรับบัตรเลือกตั้งและลงคะแนนเสียง ผลการนับคะแนนปรากฏว่า นายพนมไพร แสนวอ ได้รับคะแนนเสียง 138 คะแนน เฉือนเอาชนะนายประมุข ยาโสภา ที่ได้ 136 คะแนน ไปเพียง 2 คะแนน จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 275 คน โดยมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1 คน

อย่างไรก็ตาม นายประมุข ยาโสภา ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมแสดงความกังวลว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงประธานบริหาร แต่ชื่อของตนยังคงเป็นผู้กู้ร่วมกับ ธ.ก.ส. ในวงเงินประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งหากมีปัญหาในการบริหารในอนาคต อาจทำให้คณะกรรมการชุดเก่าต้องร่วมรับผิดชอบหนี้ก้อนดังกล่าวด้วย โดยนายประมุขเปิดเผยว่า ก่อนที่ตนจะเข้ามาบริหาร สถาบันการเงินฯ มีหนี้สินสะสมมากกว่า 2 ล้านบาท แต่ในระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา สามารถชำระหนี้จนหมด และมีเงินหมุนเวียนกว่า 6 ล้านบาทในปัจจุบัน

“ผมรู้สึกหนักใจ เพราะถึงจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งแล้ว แต่ชื่อยังเกี่ยวข้องกับภาระหนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงของตัวเองและคณะกรรมการชุดเก่า หากเกิดปัญหาในอนาคต” นายประมุขกล่าวทิ้งท้าย

การเปลี่ยนแปลงผู้นำครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าบริหารสถาบันการเงินชุมชนตำบลเพชรละครภายใต้ผู้นำคนใหม่ ซึ่งจะต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านการบริหารหนี้ และการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของชุมชนต่อไป.

ข่าวชุลีพร ตาลสุข