ร่วมสืบสานวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวอีสานและทำบุญมหากุศลร่วมกันใน งานบุญมหาชาติ ประจำปี 2567 (งานกินข้าวปุ้น เอาบุญผะเหวด ฟังเทศน์มหาชาติ) 31 มี.ค. – 3 เม.ย.นี้ ที่วัดวงศ์ศรีดาราม เทศบาลตำบลดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร พบกิจกรรมการทำ “ข้าวปุ้น” น้ำหนัก 500 กิโลกรัม ถาดยักษ์ที่สุดในประเทศไทย พร้อมขบวนแห่อัญเชิญพระอุปคุต พระมหาเถระเจ้า จากทั้ง 12 ชุมชนของเทศบาลอันยิ่งใหญ่ พิธีแห่อัญเชิญพระเวสสันดรเข้าสู่เมือง พิธีแห่ข้าวพันก้อน เทศน์สังกาส สวดบาระมี 30 ทัศน์ พิธีการเทศน์มหาชาดก 13 กัณฑ์ 1,000 พระคาถา พิธีทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ สามเณร และการแข่งขันกินข้าวปุ้นเร็ว ปิดท้ายด้วยความสนุกสุดเหวี่ยงไปกับ “คณะประถมบันเทิงศิลป์” พร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินหมอลำชื่อดัง “มิน พิณทอง” ห้ามพลาดกับกิจกรรมที่อัดแน่น ! ด้วยประการทั้งปวง
นายชยุต วงศ์วณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วย นายสุรชัย ศักสัมฤทธิ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร , นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร, นางสาว ศศิวิมล คมเฉียบ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม, นางวรรณิดา มั่นคง ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง และ นายณัฐพงศ์ ชุมปัญญา นายกเทศมนตรีตำบลดงมะไฟ ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน งานบุญมหาชาติ ประจำปี 2567 (งานกินข้าวปุ้น เอาบุญผะเหวด ฟังเทศน์มหาชาติ) ที่หอประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567
งานบุญมหาชาติ ประจำปี 2567 (งานกินข้าวปุ้น เอาบุญผะเหวด ฟังเทศน์มหาชาติ) เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดสกลนครและภาคอีสานของไทยในมวลรวม โดยในโครงการนี้เป็นงานเทศกาลประจำปีของจังหวัดสกลนคร ที่เรียกกันว่า งานบุญผะเหวด หรือ งานบุญมหาชาติ งานมหากุศล ที่จัดกันเป็นประจำทุกปีเป็นงานประเพณีสืบต่อเนื่องกันมา ซึ่งจะเป็นการทำให้วัฒนธรรมของชุมชนอันงดงามของชาวจังหวัดสกลนครได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน อำเภอ และตัวจังหวัด จากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเดินทางไปเที่ยวงานตลอดทั้ง 4 วัน เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยว เกิดกระแสท่องเที่ยววิถีชุมชน พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวภายในประเทศในภาพรวมอีกด้วย
ในส่วนของประเพณี “กินข้าวปุ้น เอาบุญผะเหวด ฟังเทศน์มหาชาติ” เป็นคำกล่าวเชิญต้อนรับแขกที่แวะมาเยี่ยมเยือน ในช่วงงานประเพณีบุญผะเหวด หรือบุญเดือนสี่ของชาวอีสานที่จะทำกันเกือบทุกหมู่บ้านซึ่งมีการจัดเตรียม “ข้าวปุ้น” หรือ ขนมจีน เพื่อแจกจ่ายและทำบุญตักบาตรที่วัด ส่วนคำว่า “บุญผะเหวด” หรือ งานบุญมหาชาติ เป็นประเพณีที่สำคัญของชาวอีสาน โดยชาวอีสานจะจัดทำบุญเผวด ปีละ 1 ครั้ง ระหว่างเดือน 3 เดือน 4 เป็นงานมหากุศล ให้รำลึกถึงการบำเพ็ญบุญ บรรพชนชาวไทยอีสานแต่โบราณ จึงถือเป็นเทศกาลที่ประชาชนทั้งหลายพึงสนใจร่วมกระทำบำเพ็ญและได้อนุรักษ์สืบทอดเป็นวัฒนธรรมสืบมา เป็นประเพณีการบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ ในงานนี้ก็จะมีการเทศน์มหาชาติ ซึ่งถือว่าเป็นงานอันศักดิ์สิทธิผู้ใดฟังเทศน์มหาชาติจบภายในวันเดียวและบำเพ็ญคุณงามความดี จะได้อานิสงส์ไปเกิดในภพหน้า โดยบุญผะเหวดนี้จะทำติดต่อกัน 3 วัน ซึ่งงานในแต่ละปีที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมอย่างมากมาตลอด พิสูจน์ได้จากจำนวนผู้เข้าร่วมจากทั้งในตัวท้องถิ่นเอง คนในจังหวัด รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด เฉลี่ยนับหมื่นคนต่อวัน
สำหรับงานครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 3 เมษายน 2567 ที่วัดวงศ์ศรีดาราม เทศบาลตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยไฮไลต์ของงานคือการทำขนมจีน หรือที่ชาวอีสานเรียกกันว่า ข้าวปุ้น น้ำหนัก 500 กิโลกรัม เป็นถาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีขบวนแห่อัญเชิญพระอุปคุต พระมหาเถระเจ้า จากทั้ง 12 ชุมชนของเทศบาลอันยิ่งใหญ่ พิธีแห่อัญเชิญพระเวสสันดรเข้าสู่เมือง พิธีแห่ข้าวพันก้อน เทศน์สังกาส สวดบาระมี 30 ทัศน์ พิธีการเทศน์มหาชาดก 13 กัณฑ์ 1,000 พระคาถา พิธีทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ สามเณร การแข่งขันกินข้าวปุ้นเร็ว มหรสพคบงันจากหมอลำคณะประถมบันเทิงศิลป์ พร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินหมอลำที่มีชื่อเสียง “มิน พิณทอง”
“งานบุญมหาชาติ ประจำปี 2567 (งานกินข้าวปุ้น เอาบุญผะเหวด ฟังเทศน์มหาชาติ) จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่จะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักจังหวัดสกลนครมากยิ่งขึ้น ภาพการท่องเที่ยวที่ออกมาจะออกมาในมุมที่ดี สวยงาม สะท้อนวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวอีสานที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานให้แก่คนทั่วประเทศได้เห็น รวมทั้งยังช่วยในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดด้วย ในฐานะพ่อเมืองสกลนคร เรามั่นใจมากว่าทุกๆ คนที่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนจังหวัดนี้จะกลับออกไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และอยากกลับมาที่ สกลนคร แห่งนี้อีกครั้งแน่นอน” นายชยุต วงศ์วณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าว