วันที่ 9 มิถุนายน 2567 เป็นวันครบรอบ 2 ปี การปลดล๊อกกัญชา  เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย พร้อมด้วยมวลชน ประมาณ 300 คน ชุมนุมคัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ต้อง มี พ.ร.บ.กัญชา ประกาศชุมนุมยาวหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันนี้และชุมนุมทุกวันจนกว่าจะมี พระราชบัญญัติกัญชาออกมาควบคุม
.
เป้าหมายแรกเราขอคัดค้านการนํากัญชากลับสู่ยาเสพติด แต่ขอให้ควบคุมโดยกฎหมายมีพระราชบัญญัติ ประการที่สองถ้ารัฐบาลยังปักธงยังดึงดันว่าจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดขอให้ใช้กระบวนการนโยบายสาธารณะที่ถูกต้องนั่นคือตั้งกรรมการวิจัยร่วมกันว่าก็พิจารณามาตรการว่าควรจะเอากลับไปสู่ยาเสพติดหรือไม่ กัญชามันไม่ได้ร้ายไปกว่าบุหรี่และเหล้า กัญชาเป็นยารักษาโรคให้กับผู้คนมากมายก็ไม่ควรเอากลับไปสู่ยาเสพติด ก็ควรจะควบคุมโดยกฎหมายเฉพาะที่เรียกว่าพระราชบัญญัติกัญชา สองข้อนี้เป็นข้อเสนอที่ชาวกัญชา ไม่ได้เกเร เพราะว่ายึดถือกระบวนการ จะคุมแบบไหนขอให้ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์มันเป็นตัวบ่งชี้ครับเพราะว่าตอนนี้รัฐบาลใช้อํานาจของรัฐบาลเองและก็ไม่ได้มีข้อเท็จจริงใหม่อันใดเลยที่จะเอากัญชากลับไปสู่ยาเสพติดฉะนั้นคิดว่าโดยแนวทางของรัฐบาล จะเป็นแนวทางที่จะนําไปสู่การผูกขาดกัญชา
.
ปฏิบัติการตั้งแต่ เวลา 13.00 น. หน้าสํานักงานยูเอ็น แล้วเคลื่อนขบวนมาปักหลักที่ทําเนียบรัฐบาล จะพักค้างที่ทําเนียบรัฐบาลจนกว่ารัฐบาลจะยอมควบคุมกัญชาโดยกฎหมายมีพระราชบัญญัติ เริ่มวันนี้เลยคือเราไม่ได้ว่าประท้วง รวมตัวเสร็จเราจะกลับเลย เราก็ยังยาวต่อจนกว่าจะได้คําตอบเป็นเดือนก็คือเป็นเดือน เพราะว่าเราคิดว่ากระบวนการอย่างอื่นเราใช้มามากแล้ว กระบวนการพูดคุยกระบวนการยื่นหนังสือกระบวนการใดๆ ที่คิดว่าเป็นทางวิชาการ และก็คุยกันมาหลายรอบแล้วรัฐบาลก็ไม่ยอมฟังอย่างนี้สิทธิของประชาชนก็คือรวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลทําสิ่งที่ถูกต้องแล้วเราก็ยึดหลักการนี้และเราก็จะไม่ถอยจนกว่ารัฐบาลจะกลับมาสู่จุดที่ถูกต้องในการควบคุมกัญชา
.
กัญชามันคือยา แล้วการใช้ยาต้องมีข้อกําหนดคือพูดง่ายๆ ว่ามันต้องมีว่าใช้อย่างไรจึงถูกต้อง การเรียกร้องกัญชาในบางศาสตร์ของกัญชา กัญชาก็คือยา ไม่ว่าเราใช้แบบไหนมันก็คือยา แต่การไปเรียกร้องต่อต้านกัญชาฝ่ายเดียวจะทําให้สังคมเข้าใจผิดว่ากัญชาเป็นนันทนาการหรือใช้สําหรับความบันเทิง กลไกอย่างเดียว สังคมคล้ายว่าจะไม่เห็นด้วย สิ่งที่ชาวกัญชาจะต้องยืนยันในขณะนี้คือพูดข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่พูดข้อเท็จจริงด้านเดียว การเรียกร้องของกลุ่มที่ทำประชาพิจารณ์ เป็นการพูดด้านเดียวของกัญชาและเมื่อพูดข้อเท็จจริงด้านเดียวจะทําให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องนันทนาการเป็นเรื่องสําคัญเป็นสิ่งเร็วร้ายของกัญชา ทําให้สังคมรู้สึกว่าไม่มีความสุข กัญชาจึงเป็นการเมืองล้วนๆ ในข้อสังเกตก็คือรัฐบาลนี้ครั้งที่รัฐมนตรีชลน่าน เป็นรัฐมนตรี กัญชาก็ยังไม่เป็นยาเสพติด ยังจะผลักดันพ.ร.บ. กันอยู่เลยและพอพ้นรัฐมนตรีไป 7 วันรัฐมนตรีสมศักดิ์ มา กัญชาเปลี่ยนเป็นยาเสพติดทันที ข้อสังเกตตรงนี้ก็คือว่ามันไม่ได้มีข้อเท็จจริงใหม่อะไร ในระหว่าง 7 วันที่รัฐมนตรีคนเก่าลาออกและคนใหม่มา สันนิษฐานทางเดียวเท่านั้น คือการเมือง ประโยชน์ของพรรคเพื่อไทยที่จะได้หนึ่งทําลายคู่แข่งอันที่สองคือผูกขาดกัญชาให้ได้กลุ่มเฉพาะเท่านั้นมันเป็นเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเราไม่เห็นด้วยโดยเด็ดขาด
.
ต่อจากนี้ไปจะมีกระบวนการของรัฐบาลที่พยายามเตรียมการกิจกรรมในหลายทักษะด้วยกันที่จะทําให้สังคมเห็นว่าองคาพยพต่างๆ ที่ออกมาต่อต้านกัญชา ก็เห็นด้วยกับรัฐบาลไอ้การจัดตั้งไม่ได้เกิดจากการที่เราห่วงเยาวชนแล้วให้กลับไปเป็นยาเสพติด คิดว่าป้องกันได้ป้องกันไม่ได้ครับเพราะสุดท้ายมันจะมีกัญชาใต้ดิน พออยู่ใต้ดินแล้วตอนนี้เราก็ควบคุมเรื่องคุณภาพอะไรไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นแค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวไม่สามารถทําให้กัญชาคุ้มครองเยาวชนได้
.
เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลพยายามจะทํากลไกต่างๆ บิดเบือนเรื่องกัญชาให้ใครมาสนับสนุนต่อต้านกัญชา คิดว่าเป็นกระบวนการที่รัฐบาลใช้เอาไว้และก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย และผมเชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะมีเรื่องของการทำกิจกรรมต่างๆมาอีกเยอะที่จะให้นํากัญชาสู่ยาเสพติด