ภายใต้อำนวยการ พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.๑ บก.ทล.(นครสวรรค์) เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) บูรณาการร่วมกัน สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งวันนี้( 13 สิงหาคม 2567 ) เวลาประมาณ 13.30 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง โดยพบรถยนต์กระบะ ทะเบียน ลำปาง ขับขี่ผ่านมาด้วยความเร็วสูงและมีน้ำหนักที่รถยนต์มากกว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับขี่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.97 ทล.11 (ขาเข้า) ต.หนองบัว อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้วเบื้องต้นสอบถามนายสรศักดิ์ อายุ 33 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย (ทราบชื่อ-นามสกุลภายหลัง) แสดงตนเป็นผู้ขับขี่ และ นายพล อายุ 55 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 7 ต.น้ำริม อ.เมืองตาก จ.ตาก (ทราบชื่อ-นามสกุลภายหลัง) นั่งโดยสารด้านซ้ายมือผู้ขับขี่ โดยมีผู้ถูกจับที่ 3 – 17 นั่งโดยสารมากับรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหนองบัว จ.นครสวรรค์ พบว่า ผู้ถูกจับที่ 3 – 17 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การยอมรับว่า วันนี้ 13 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 07.00 น.ได้รับการประสานจากชายไทยรับแรงงานต่างด้าวจำนวน 15 คน ที่บริเวณ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เพื่อไปส่งปลายทาง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยได้ค่าจ้าง 1,500 บาทต่อคน โดยมี นายพล อายุ 55 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 7 ต.น้ำริม อ.เมืองตาก จ.ตาก สัญชาติ ไทย ผู้ถูกจับที่ 2 เป็นผู้นั่งโดยสารด้านซ้ายมือผู้ขับขี่คอยสำรวจเส้นทางแต่ดูตามเส้นทางว่ามีตำรวจหรือไม่ จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 2 ให่การยอมรับว่า ตนนั้นได้นั่งโดยสารมารถยนต์กระบะมีหลังคา ติดแผ่นป้ายทะเบียนลำปาง บรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมา 15 คน โดยมี นายสรศักดิ์ อายุ 33 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย สัญชาติ ไทย เป็นผู้ขับขี่ และตนนั้นได้ค่าจ้างส่วนแบ่งจากผู้ถูจับที่ 1 เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท โดยผู้ถูกจับที่ 1 และ 2 รับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 15 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 5-6 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆและ สอบถามผู้ถูกจับที่ 3 – 17 ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 1 – 2 “ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”ผู้ถูกจับที่ 3 – 17 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหนองบัว ภ.จว.นครสวรรค์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป